การปรับโครงสร้างตารางด้วยคำสั่ง ALTER TABLE PostgreSQL
วิธีบน VIsual Studio Code เวอร์ชั่น 1.69.1
1) เมื่อเข้ามายังโปรแกรม VIsual Studio Code ให้ Click ที่ Explorer
2) ทำการ Click ที่ New File หรือ รูปแผ่นกระดาษ+
3) ทำการ ตั้งชื่อไฟล์

4) ทำการ Click ที่ Select Postgres Server
5) เมื่อมี Pop-up เด้งขึ้นมาให้ Click เลือกฐานข้อมูลที่เราทำเชื่อม Postgres ไว้ หรือ จะสร้างใหม่ก็ได้

6) Pop-up เดิมให้ทำการ เลือก Database ที่เราต้องการแก้ไข

7) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการสร้างตารางที่ไฟล์งานที่เราสร้างจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ create table freelance(
id serial primary key,
name varchar(50)
);
8) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

9) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการเรียกตารางมาโชว์ข้อมูลต่างๆจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ select * from freelance;
10) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

11) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการเพิ่มข้อมูลลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ insert into freelance(name) values('Nigella'), ('Claire'), ('Sylvain');
12) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่าข้อมูลที่เราพึ่งใช้คำสั่งเพิ่มข้อมูลลงไปได้เข้ามายังในตารางแล้วนั้นเอง

13) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเพิ่ม Columns ลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
add column gender char(1);
14) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns ที่เราพึ่งใช้คำสั่งเพิ่ม Columns ลงไปได้เข้ามายังในตารางแล้วนั้นเอง

15) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเพิ่ม Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
add column age int,
add column email varchar(50);
16) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns ที่เราพึ่งใช้คำสั่งเพิ่ม Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งลงไปได้เข้ามายังในตารางแล้วนั้นเอง

17) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเปลี่ยนชื่อ Columns ในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
rename column name to first_name;
18) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns name ที่เราพึ่งใช้คำสั่งเปลี่ยนชื่อ Columns ลงไปได้เปลี่ยนเป็น first_name ในตารางแล้วนั้นเอง

18) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเปลี่ยนชนิดข้อมูลของ Columns ในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
alter column age type float;
19) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

20) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการลบ Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
drop column gender,
drop column email;
21) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป

จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns ที่เราพึ่งใช้คำสั่งลบ Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งได้ถูกลบออกจากตารางไปแล้วนั้นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น