WORK11 การปรับโครงสร้างตารางด้วยคำสั่ง ALTER TABLE PostgreSQL

การปรับโครงสร้างตารางด้วยคำสั่ง ALTER TABLE PostgreSQL

วิธีบน VIsual Studio Code เวอร์ชั่น 1.69.1


1) เมื่อเข้ามายังโปรแกรม VIsual Studio Code ให้ Click ที่ Explorer

2) ทำการ Click ที่ New File หรือ รูปแผ่นกระดาษ+

3) ทำการ ตั้งชื่อไฟล์



4) ทำการ Click ที่ Select Postgres Server

5) เมื่อมี Pop-up เด้งขึ้นมาให้ Click เลือกฐานข้อมูลที่เราทำเชื่อม Postgres ไว้ หรือ จะสร้างใหม่ก็ได้



6) Pop-up เดิมให้ทำการ เลือก Database ที่เราต้องการแก้ไข



7) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการสร้างตารางที่ไฟล์งานที่เราสร้างจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ create table freelance(
id serial primary key,
name varchar(50)
);

8) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป



9) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการเรียกตารางมาโชว์ข้อมูลต่างๆจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ select * from freelance;

10) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป




11) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการเพิ่มข้อมูลลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ insert into freelance(name) values('Nigella'), ('Claire'), ('Sylvain');

12) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป


จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่าข้อมูลที่เราพึ่งใช้คำสั่งเพิ่มข้อมูลลงไปได้เข้ามายังในตารางแล้วนั้นเอง



13) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเพิ่ม Columns ลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
add column gender char(1);

14) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป



จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns ที่เราพึ่งใช้คำสั่งเพิ่ม Columns ลงไปได้เข้ามายังในตารางแล้วนั้นเอง



15) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเพิ่ม Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
add column age int,
add column email varchar(50);

16) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป



จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns ที่เราพึ่งใช้คำสั่งเพิ่ม Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งลงไปได้เข้ามายังในตารางแล้วนั้นเอง



17) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเปลี่ยนชื่อ Columns ในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
rename column name to first_name;


18) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป





จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns name ที่เราพึ่งใช้คำสั่งเปลี่ยนชื่อ Columns ลงไปได้เปลี่ยนเป็น first_name ในตารางแล้วนั้นเอง




18) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการแก้ไขเปลี่ยนชนิดข้อมูลของ Columns ในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
alter column age type float;

19) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป



20) ทำการ พิมพ์คำสั่ง SQL ในการลบ Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งลงในตารางจากนั้นลากแถบดำคลุมคำสั่งนั้นแล้วกด F5
ตัวอย่างคำสั่งในภาพ alter table freelance
drop column gender,
drop column email;

21) ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป



จากนั้นย้อนกลับมาทำการ ลากแถบดำคลุมคำสั่ง SQL ในบรรทัดที่ 6 ที่เราเคยพิมพ์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วกด F5 ระบบจะ Query คำสั่งและแสดงผลจอหน้าต่างด้านข้างดังในรูป จะเห็นว่า Columns ที่เราพึ่งใช้คำสั่งลบ Columns แบบหลาย Columns ใน1คำสั่งได้ถูกลบออกจากตารางไปแล้วนั้นเอง

ความคิดเห็น